วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

ณ ที่หอพักแห่งหนึ่ง
สำหรับการเป็นนักศึกษาแล้วเมื่อมาใช้ชีวิตที่หอพัก ทุกสิ่งทุกอย่างอิสระเสรี จนเราลืมนึกไปเลยว่าอิสระมากเกินไปมันทำให้ตัวเราเองขาดการควบคุม
ขาดการอยู่ในกฏเกณฑ์ ขาดความรับผิดชอบ ไม่มีระเบียบวินัย ไม่มีการวางแผนที่จะดำเนินชีวิต คิดเพียงว่า เช้าตื่นไปเรียน เย็นกลับมา เที่ยวเล่น และกลับมาหอ และไม่มีการทบทวนการบ้าน อ่านหนังสือใดๆทั้งนั้น จนกระทั่ง เมื่อจะถึงเวลาสอบ ก่อนสอบก็จะอ่านๆๆ แล้วก็ไม่เข้าใจ จากความไม่เข้าใจก็เก็บไว้ เก็บไว้ เก็บไว้ และเก็บไว้ บอกว่าเดี่ยวค่อยถามอาจารย์ เดี่ยวค่อยถาม แล้วเดี๋ยวก็จะสอบในวันถัดมา ก็ยังไม่ได้รู้แจ้งว่าสรุปที่สงสัยนั้นจะได้คำตอบเมื่อไร และจะทำข้อสอบได้อย่างไร นั่นคือความจริง ที่ข้าพเจ้าเคยทำ ขอใช้คำว่าเคยทำ ซึ่งข้าพเจ้า คิดย้อนกลับไปแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกเสียดายเวลาที่ว่างป่าวมาก
นั่นคือ การใช้เวลา ในการทำคุณประโยชน์ ออกกำลังกาย หรือแม้จะการหารายได้พิเศษระหว่างเรียน ข้าพเจ้าก็มีโอกาสที่ดีมากๆ ที่ได้รับโอกาสในการฟัง เพื่อจะหารายได้พิเศษระหว่างเรียนที่ไม่กระทบต่อการเรียน อีกทั้งยังมีเพื่อนๆน้องๆนักศึกษาคณะต่างๆร่วมทำกิจกรรมนี้ด้วยกัน ทั้งคณะเภสัชศาสตร์ วิศวะกรรมศาสตร์ บริหาร ซึ่งทุกๆคนที่ได้เข้ามาในกิจกรรมนี้ ต่างก็มีจุดมุ่งหมายในครั้งแรกคือ หารายได้พิเศษระหว่างเรียน และก็มีเพื่อนที่มีรายได้ระหว่างเรียนมีรายได้จากกิจกรรมนี้หลักหมื่นกันแล้วคะข้าพเจ้าจึงมองย้อนกลับไปว่า ทำไมถึงมีเวลาทำงาน เอาเวลา แบ่งเวลาในการทำงานกับการเรียนได้อย่างไร ข้าพเจ้ารู้สึกในครั้งแรกที่ได้ยิน จึงมีความรุ้สึกประทับใจ ว่าเพื่อนๆน้องๆ ที่เข้ามาเรียน ทุกๆๆคนจะมีเวลาเท่ากันหมด คือ 24 ซม. และเรียนก็ โดยประมาณ 8 ซม./วัน เท่ากัน แต่ก็อ่านหนังสือ แล้วแต่ใครจะแบ่งเวลา และยิ่งแบ่งเวลามาทำงานหารายได้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านด้วย ข้าพเจ้าจึงคิดว่า เพื่อนๆน้องๆ เขาก็เป็นคน มีมือมีเท้า เท่ากัน ไม่เห็นมีอะไรที่พิเศษมากไปเกินกว่าเรามี แล้วทำไม เขาจึงแบ่งเวลาและมีความสามารถในการหารายได้เดือนละเป็นหมื่นได้ เขาทำกันอย่างไร
จนกระทั่งได้มีการตัดสินใจ ครั้งยิ่งใหญ่คือเข้าไปฟังรายละเอียดว่าทำงานอะไร ทำอย่างไร นั่นทำให้ข้าพเจ้ามีความเข้าใจ และเชื่อในตัวเองว่าข้าพเจ้าจะต้องทำได้ ซึ่งความสามารถต่างๆ ข้าพเจ้าก็จะเรียน และพยายามทำตามแบบอย่างที่ดีที่เคยทำมาในการทำงาน ข้าพเจ้าจึงได้มีความมั่นใจว่า ข้าพเจ้าจะทำงานนี้ได้ดีและ ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าสามารถที่จะพัฒนาตัวเอง เพื่อให้สามารถ ดำเนินการในการทำงานหรือในการประพฤติตนเอง ให้มีคุณประโยชน์ มากว่าที่ผ่านมา คิดเสียดายเวลาที่ปล่อยว่างไร้ประโยชน์มากมายที่ผ่านมา ก็จะย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเริ่มตัดสินใจแน่วแน่ว่า ข้าพเจ้าจะต้องทำงานไปด้วยระหว่างเรียนจากธุรกิจนี้ และงานนี้ไม่ใช่แค่งาน แค่ต้องการเงิน มันไม่ใช่ มันมีบางอย่างที่ไม่สามารถตีค่า ตีราคาออกมาเป็นเงินได้ ซึ่งข้าพเจ้าได้รับมา นั่นคือ เพื่อน พี่ น้อง และ ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา ในชีวิตที่ประสบช่วยกัน นั่นคือสิ่งที่ข้าพเจ้าประทับใจในการทำงานระหว่างเรียน ขอขอบพระคุณผู้มีพระคุณทุกๆๆท่าน
ข้าพเจ้ามั่นใจว่า แม้วันนี้ยังเป็นแค่เมล็ดผลที่ไม่มีทีท่าว่าจะเป็นพันธ์ที่ดีได้ ไม่มีทีท่าที่จะเป็นต้นกล้าได้ แต่สักวันหนึ่งเมล็ดพันธ์นี้จะเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ที่มีผุ้คนหรือสัตว์ต่างๆ ได้มาพึงพาอาศัยได้อย่างแน่นอน และจะเป็นต้นไมใหญ่ที่ดีให้ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น