วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552




หนึ่งในไม่กี่คน



บทเพลงที่ฉันชอบมากเลย ชื่อว่า หนึ่งในไม่กี่คน ของโบสุนิตา ลีติกุล

และยิ่งรู้สึกว่ากำลังมีความรักอยู่ ณ ตอนนี้ ต้องขอให้คุณผู้อ่านทุกท่านลองหาฟังนะคะ เพลงนี้

รู้สึกได้เลยนะ ว่าเขาคือคนนั้นจริงๆ หนึ่งในไม่กี่คนที่ฉันไว้ใจ หนึ่งในไม่กี่คนที่จะคอยร่วมทุกข์ ไม่ว่าเจอเรื่องรา้ายใดๆๆ ก็พร้อมเดินไปกับฉัน

(เพราะสุดๆ และซึ้งสุดๆๆเลยคะ )
ภาพประกอบ ข้าพเจ้าและคุณแม่คะ



วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความรักกับความเป็นจริง
แม้ว่าวันนี้ฉันจะยังไม่รู้จักคำว่า ความรักดีพอ แต่ฉันก็จะทำให้มันมีคุณค่า
และ มีความทรงจำที่สุด แม้ว่าความรักมันไม่สามารถจะกำหนดให้เป็นไปอย่างที่ฉันต้องการได้ เพราะ ความรัก เกิดจากคน 2 คน มีบรรทัดฐานต่างๆที่ใครก็ไม่รู้ต้องกำหนด ให้เธอต้องอย่างง้้น อย่างนี้ ผู้หญิงต้องดีเลิศประเสริฐศรี ผู้ชายต้องมีอย่างงี้ อย่างงั้น ใครน๊าเป็นคนกำหนดเส้นกีดกั้นบางๆนี้ไว้ และมันก็มีองค์ประกอบ ที่หลากหลาย ที่ทำให้คน2 คนต้องรักกันแต่ไม่สามารถจะแสดงความรักต่อกันได้ นั่นคือ ฐานะ ทั้งทางครอบครัวทางสังคม หน้าที่การงาน อะไรต่างๆบ้อบอคอแตก
เพราะอะไร ฉันต้องมาบ่นมากมายเหล่านี้เพราะฉันมันแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่รู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคนอย่างเขา ไม่เหมาะทั้งทางบ้านเรามันต่างกัน การงาน ฉันก็ยังเรียนไม่จบ เฮ้ยคิดแล้วตัวเองก็คงจะถูกทางเค้าว่าได้ แม้ว่าความรักคนส่วนใหญ่จะคิดว่าไม่เกี่ยวกับสิ่งต่างๆเหล่านี้ แต่เชื่อเถอะ พอเอาเข้าจริงๆ ก็มีซุบซิบ ว่างั้นว่างี้
ถึงฉันจะไม่ได้ ร่ำรวยอะไร แต่ฉันก็ไม่อยากให้ใครว่าได้ ว่าฉันคบเพราะเขาอย่างงั้นอย่างงี้ ฉันเองก็ไม่อยากต้องเป็นฝ่ายที่ถูกกล่าวหาอย่างงั้น เพราะคนเราต้องยืนหยัดให้ได้ เพียงแค่ตอนนี้ฉันยังไม่สามารถทำให้ตัวเอง ไปถึงจุดนั้นได้เท่านั้นเอง เพราะฉันเป็นผู้หญิง สินะ ถึงต้องมองว่าจะดีแค่ไหน จะเหมาะกับเค้าไหม นั่นนะ เค้าคิดว่ากลัวว่าฉันจะไปหลอกเค้า
คงเพราะเค้ารักเค้าห่วงใย คนในครอบครัวเค้าสินะ
แต่ ว่า มองกลับกัน แล้วฉันเองก็ไม่อยากจะถูกคนกล่าวหากันง่าย ทั้งๆที่ฉันเองยังไม่ได้ทำอะไร ฉันผิดหรอ ที่เกิดมาแล้วไม่ได้สวยไม่ได้รวย ช่างเถอะ ขอบคุณนะคะที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผู้หญิงธรรมดาคนนึงคนนี้ แม้ยังไม่รู้จักความรักดีพอ แต่ว่า ก็จะพยายามทำให้ดีกับปัจจุบันนี้ที่มีความรู้สึกพิเศษ นี้ไว้

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สวัสดีคะ วันนี้ไม่ได้อัพเดทข้อมูลอะไรเลยคะ พอดีช่วงเสาร์อาทิตย์ ขอหยุดพักหายใจ
แล้วจะเตรียมเรื่องดีๆๆมาเล่าให้ฟังหลังจากที่กลับบ้านนะคะ ไว้เจอกันวันอังคารแล้วกันคะ จะเอาข้อมูลดีๆๆมาบอกเล่าเก้าสิบให้ท่านผู้อ่านได้ฟังกันคะ

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

พริก!!!ไม่เผ็ด มีจริงคะ
สำหรับครั้งนี้ข้าพเจ้าไม่ได้เตรียมเนื้อหาอะไรมาเพิ่มเติม
แต่ว่าก็มีรูปพริก ที่ลูกโตมากๆๆจาก ประเทศอิสราเอลมาฝากคะพอดีมีพี่ใจดีฝากมาให้ดูคะ
และทราบมาว่าพริกนี้ไม่เผ็ด ข้าพเจ้ายังไม่เคยได้ลิ้มรส แต่พี่ที่ส่งมาให้บอกว่างั้นคะ !!!
ประกาศถึงนักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
นักศึกษากองทุนกู้ยืมชั้นปี 1 เข้าร่วมปลูกป่าเทิดไท้องค์ราชัน ครั้งที่ 4


ให้นักศึกษากองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อ การศึกษาชั้นปีที่ 1 ทุกคนเข้าร่วมปลูกป่าเทิดไท้องค์ราชัน ครั้งที่ 4 ในวันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2552 เวลา 08.30 น. พร้อมกัน ณ พื้นที่ป่าต้นน้ำร่องก่อ - ฟาร์มคณะเกษตร ( ใส่เสื้อสีชมพู ) พร้อมสมุดพกกิจกรรม

ขอบคุณ http://www.reg.ubu.ac.th
วันนี้ขอนำบทความที่เคยอ่านและมันอาจจะตรงกับตัวเองมา และคงจะมีบ้าง ที่บางส่วนอาจตรงกับท่านผู้อ่านเหมือนกัน


วันเวลาที่ผ่านมา ชั่วระยะเวลาหนึ่งของชีวิต
ผู้คนมากมายผ่านเข้ามา
บางคนผ่านมาเพียงเพื่อจะผ่านไป

..................
แต่บางคนกลับไม่เป็นเช่นนั้น...

จากคนแปลกหน้า กลายเป็นคนรู้จัก คนคุ้นเคย ล่วงเลย ไปถึงกลายเป็นคนรักกัน

เวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน
สถานภาพทางความรู้สึกของเราก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
..................
บางคนยังคงความเป็นคนแปลกหน้า
ยังรักษาระยะห่างของการเป็นคนรู้จัก คนคุ้นเคย หรือ
คนรักกันไว้ได้อย่างคงที่...
..................

บางคน เปลี่ยนแปลงจากคนแปลกหน้า
กลายเป็นคนคุ้นเคย...
...................
จากคนเคยคุ้น กลายมาเป็น คนรักกัน ..
ทำลายระยะห่างของความรู้สึกให้สั้นลงอย่างรู้สึกได้ ...
และเมื่อนั้น เรื่องราวดี ๆ สวยงามทางความรู้สึกจึงเกิดขึ้น ..
....................

แต่ในทางกลับกัน..
ระยะห่างของบางคน อาจห่างไกลออกไปจนสุดหูสุดตา
จากคนเคยรัก คนเคยคุ้น กลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก ..
กลายเป็นคนแปลกหน้าทางความรู้สึกไป ..

......................
แน่นอนว่า ระยะห่างของคนรู้จัก กับ คนรัก ย่อมไม่เท่ากันเป็นแน่ ..
แต่นั่นแหละ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ..
ฉันเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของเวลา
พอ ๆ กับเชื่อในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึก..
....................
ไม่มีมาตราวัดใด ๆ ที่จะใช้วัดระยะห่างของความรู้สึกได้
และระยะห่างในแต่ละสถานภาพทางความรู้สึกในแต่ละคนก็คงจะไม่เท่ากัน..

เราระบุชัดไม่ได้ว่า 1 เท่ากับ 1 ในความรู้สึกของอีกคน
1 ในความรู้สึกของคนหนึ่ง อาจจะเป็น 100 ในความรู้สึกของอีกคนก็เป็นได้ ..

และในเมื่อการคบหากันเป็นปฏิสัมพันธ์ของคนสองคน
เราจึงมองเห็นความไม่ลงตัว เห็นระยะห่างที่ไม่เท่ากันของคนสองคนได้เสมอ..
....................
กับคนบางคน เราอยากเป็นมากกว่าคนรู้จัก
เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรามันสั้นลง

กับคนบางคน เราอยากเป็นน้อยกว่าที่เป็นอยู่
เราก็จะพยายามที่จะทำให้ระยะห่างของเรายาวไกลออกไป..

แต่กลับบางคนเรากลับอยากจะรักษา ระยะห่าง ตรงกลาง ไว้ให้คงที่
ไม่ให้ห่างหาย จางหนี หรือ เข้ามาใกล้จนเรารู้สึกอึดอัด..
.....................

เคยรู้สึกใช่ไหมว่า ..
ขณะที่เราเดินเข้าหา บางคนกลับกำลังเดินหนี
กับบางคนเรากำลังเดินหนี บางคนกลับเดินตาม...
กับบางคนเราก็ต้อ! งการระยะห่างประมาณหนึ่ง ไม่ต้องใกล้มาก
แต่ไม่ต้องการห่างหายไปไหน..

.....................
ขณะที่บางคนวิ่งตาม
ล้มลุกคลุกคลานและเจ็บปวดกับระยะห่างของอีกคนที่ทิ้งไว้ตรงหน้า
และขณะเดียวกันกับที่อีกคนก็วิ่งหนี
โดยไม่คิดจะหันกลับมามองความเจ็บปวดของอีกคน
อะไรก็เกิดขึ้นได้ กับความรู้สึกคน..

เหนื่อยแสนเหนื่อย ล้าแสนล้า แต่สุดท้ายก็ยังพยายาม
พยายามที่จะยื้อยุดฉุดดึงอยู่เช่นนั้น

บางคนปล่อยความรู้สึกของอีกคนไว้ บนความห่าง ห่างจนลับตา ..
ไม่เคยหันกลับมามองหรือรับรู้ความเป็นไปของอีกคน ..
ไม่เคยรับรู้ว่า

ระยะห่างที่เขาทิ้งไว้อีกคนมันสร้างความเจ็บปวดได้ประมาณไหน
แต่ก็มีบางคนที่เหนื่อยล้ากับระยะห่างที่พยายามรักษาไว้เพียงแค่นั้น
ไม่ต้องห่างไป แต่ เข้าใกล้กว่านี้ไม่ได้ ..
ต้องการเพียงเส้นขนานที่ไม่มีทางมาบรรจบ ....

.............................

การทำลายระยะห่างของคนสองคนอาจไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายนักสำหรับอีกหลาย ๆ คน...

บางคนพยายามมาเกือบทั้งชีวิต..
ระยะห่างที่ว่าก็ยังคงห่างอยู่เช่นเดิม..

ขณะที่บางคนอยู่นิ่ง ๆ ไม่วิ่งหนี ไม่วิ่งตาม
ปล่อยทุกอย่าง! ให้เป็นหน้าที่ของเวลา

ไม่เรียกร้องให้เกิดความคาดหวัง
ไม่ปล่อยละเลยจนเหมือนชาเฉย...
ระยะห่างนั้นกลับขยับเข้ามาใกล้ราวปฏิหารย์..
.................................


ขอบคุณบทความ จำไม่ได้แล้วมาเอามาจากไหน แต่มันกินใจเราซะเหลือเกิน
เรื่องของลูกกตัญญู

วันนี้เรามาต่อหัวข้อเรื่องที่ติดค้างไว้นะคะ
เรื่องของลูกกตัญญู อภิรักษ์ แซ่ฮ้อ คะ วันนี้มีเวลาเลยนั่งอ่านต่อจนจบทั้งเล่มเลยคะ และก็

มีข้อคิด ดังนี้นะคะจากที่ข้าพเจ้าได้อ่านจนจบ และจับใจความได้คะ

@@@การประหยัดหรือขี้เหนียว บางทีก็ไม่สามารถทำให้คนเราร่ำรวยขึ้นมาได้
และความร่ำรวยก็ไม่ใช่หนทางที่จะนำพาชีวิตไปสู่เป้าหมายของชีวิตได้
"เงิน" ไม่สามารถที่จะซื้อความสุขได้ และความสุขที่ได้มาก็ไม่ใช่จะได้มา
ด้วยการแลกกับเงินเสมอไป
@@@@
>ประสบการณ์สอนให้เขาได้รู้ว่า การรอคอยเป็นศิลปะของการดำเนินชีวิต ทุกคนที่เกิดมา
ล้วนแต่ผ่านการรอคอยมาแล้วทั้งนั้น<*-*>
****ตราบใดที่ยังมีถนนให้เดิน ร่างกายยังพอไหว ก็จะต้องเดินไปจนสุดถนนชีวิตนั่นแหล่ะ
ชีวิตยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ ตามวัน เวลาที่ผ่านไปอย่างไม่หยุดยั้ง วันคืนที่ผันผ่านไปนั้น
เรียกอะไรกลับคืนมาไม่ได้เลย ไม่ว่าความทุกข์หรือความสุข รวมทั้งความเป็นหนุ่มเป็นสาว
ที่หายไปพร้อมๆกับวันเวลา***

+++หนทางที่จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น
คนเราไม่จำเป็นเกิดมาแล้วต้องร่ำรวยหมดทุกคนหรอก คนที่ไม่ร่ำรวย ก็สามารถ
ประสบความสำเร็จก็ได้ ถ้าหากไม่ทะเยอทะยาน และวาดหวังไว้จนสูง เกินไปจนยากที่จะ
ไขว่คว้า+++

ขอบคุณอีกครั้งคะ หนังสือที่ให้ข้อคิดเตือนใจแก่เยาวชนเล่มนี้

ทุนการศึกษา

ประกาศจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
มูลนิธิจุมภฏ-พันทิพย์ได้ให้ทุนแก่นักศึกษา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ที่กำลังจะขึ้นปี2 ในปีการศึกษา 2553
และเป็นผู้มีความประพฤติดี มีความตั้งใจศึกษาเล่าเรียน แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม รับใบสมัครและสมัครวันนี้ถึง 9 ธ.ค.2552
ที่งานกิจการนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์

ขอบคุณ sms จาก UBU-NEWS

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552


คิดถึงบ้าน


สวัสดีคะ หลายๆท่าน ที่เป็นลูกข้าวเหนียว เป็นชาวอีสานบ้านเฮา เพียงได้ยินบทเพลง
ที่เกี่ยวกับบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองก็อดที่จะคิดถึงบ้านที่มีพ่อมีแม่มีพี่น้อง
ที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากัน และวันนี้ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือที่ได้ยืมมาจาก
ท่านอาจารย์อนุพงษ์ รัฐิรมย์ อาจารย์ท่านใจดีมากคะให้ยืมหนังสือมาอ่าน
และแนะนำว่าได้ซื้อมาในราคาที่ แพง แต่ถ้าได้อ่านหลายๆคน ราคาก็จะถูกลง
นั่นทำให้ข้าพเจ้าได้คิดว่า การแบ่งปัน ไม่ใช่สิ่งของเพียงอย่างเดียง แต่ความรู้ก็มีคุณมีประโยชน์ ดังเช่นหนังสือ
ที่ท่านอาจารย์ได้ซื้อมาและได้ใจดี แบ่งให้นักศึกษาได้อ่าน ได้ข้อคิดไปเป็นแนวทางกันหลายๆคนก็อดสัยไม่ได้ว่า
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ คำว่า "คิดถึงบ้าน " นั่นละคะเป็นที่มาของคิดถึงบ้าน ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือ "ลูกยอดกตัญญู อภิรักษ์ แซ่ฮ้อ "(จากที่ยืมมาจากท่านอาจารย์ )
ซึ่งหนังสือเขียนจากชีวิตจริงของคุณอภิรักษ์ แซ่ฮ้อ
โดยเรื่องราวของแม่ลูกคู่นี้ได้ ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน เมื่อพ.ศ. 2552
ภายหลังจากรายการตีสิบ ช่อง 3 ได้นำเสนอเรื่องราวมาเผยแพร่ในรายการติดต่อกัน 3 ครั้ง
และเขียนโดย เริงศักดิ์ กำธร ผู้สื่อข่าวรางวัลพูลิเซอร์ปี 2553

และมีบทความที่จับใจความได้มากมายเช่น
"ทำไมเขาจะไม่รักลูก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าลูกหิว เพราะเขาก็หิวเหมือนกัน แต่เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว เขาจะแสดงอาการอ่อนแอ ให้ลูกเห็นไม่ได้" ถ้าลือไม่เลือกงาน ไม่ขี้เกียจ ไม่เล่นการพนัน ไม่ติดผิ่น ลือทำงานไม่กีปี รับรองว่าลื้อต้องตั้งตัวได้ "จำไว้นะ คนเราไ่ม่มีใครเก่งมาจากท้องพ่อท้องแม่หรอก เกิดมาแล้วก็มาหัดกันทั้งนั้น" ถ้าลืออยากจะรวย ต้องเป็นคนขยันและขี้เหนียว เก็บออมเท่านั้นจำไว้ นะอาตี๋

ของที่ไม่มีคุณค่าในสายตาคนอื่น หากเราเห็นคุณค่า มันก็มีค่ามีราคาขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเห็นคุณค่า ของมันมากน้อยแค่ไหน "เงินทองที่หามาได้ จะใช้ ฟุ่มเฟือยไม่ได้ นะ ชีวิตของคนเราจะรวยหรือจน ชะตาชีวิตสามารถพลิกผันได้ภายในวันเดียว"

นี่แค่ยังอ่านไม่จบคะ ไว้จะเอามาเสริมให้นะคะขอติดค้างไว้ก่อน


ส่วนเรื่องคิดถึงบ้าน ก็มาจากบทในหนังสือที่อ่านคะ ที่แม่รักลูกชายมากๆๆ เลยทำให้ข้าพเจ้าอ่านไปน้ำตาคลอไป ไม่คลอธรรมดาคะ ร้องไ้ห้เลย 555
และทำให้คิดถึงพ่อกับแม่ที่บ้านคะ เลยจะขอรวมเพลงที่ฟังแล้วทำให้หวนคิดถึงบ้านคะ
เพลงที่ 1 อยากฝันดีที่บ้านเรา ร้องโดย ตั๊กแตน ชลดา ลองหาฟังนะคะ เพลงที่2 ดอกนีออนบานค่ำ ร้องโดยตั๊กแตน ชลดา เพลงที่3 คนบ้านเดียวกัน ร้องโดย ไผ่ พงศธร
ขอหยิบยกมาแค่นี้ก่อนนะคะ ข้าพเจ้ายังอ่านไม่จบเลย อิอิ

ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ให้ยืมหนังสือ
ขอบคุณเนื้อหาจากหนังสือที่ให้ข้อคิดเตือนใจ
ขอบคุณบทเพลงที่สื่อและแทนความหมายให้คิดถึงบ้าน
ขอบคุณพ่อแม่พี่ที่ให้การสนับสนุนข้าพเจ้ามาตลอด
ขอบคุณเพื่อนๆที่ช่วยสนับสนุน ให้หยิบยืม (ตังค์)ในเวลาขัดสน
ขอบคุณผู้อ่านที่แวะเวียนมาแม้ไม่มี คำชมหรือ คำแนะนำกลับมา แต่มันเป็นกำลังใจให้มุ่งมั่นที่จะจดจำบทเรียนชีวิตจากบล็อกนี้คะ

*-*
สวัสดีคะ ท่านผู้อ่านทุกท่านคะ
ขอบคุณที่ติดตามบล็อกของข้าพเจ้ามาโดยตลอดนะคะ
วันนี้ข้าพเจ้าขอแนะนำบล็อกที่มีพระคุณ และมีประโยชน์ต่อทุกท่านมาแนะนำคะ
บล็อกนี้สามารถเรียนรู้ได้ไม่จำกัดเพศ อายุ อาชีพเลยคะ
แล้วก็เรียนได้หลากหลายภาษา ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และรวมทั้ง ภาษาบาลีสันสกฤตด้วยคะ
อย่ารอช้าเลยคะ ตาม link ด้านล่างนี้เลยคะ
http://www.oknation.net/blog/buddhamantra

ขอบพระคุณที่ให้ความรู้ทางทางโลกและทางธรรมด้วยคะ

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เล็บ บอกอะไร
และมีสาเหตุมาจากอะไร ควรแก้ไขอย่างไร ดังนี้
1. เล็บหนา ผิวเล็บร่อนเปราะ
มีสาเหตุมาจากเชื้อราซึ่งเกิดเพราะความอับชื้น แล้วคุณไม่ได้รักษาความสะอาดดีพอ
ปัญหานี้มักจะเกิดกับนักกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ หากปล่อยทิ้งไว้ เล็บคุณอาจหัก
กร่อนและเสียมากขึ้น จนถึงขั้นไม่มีการงอกใหม่ คุณควรไปพบแพทย์โรคผิวหนัง ซึ่งสามารถ
แนะนำและรักษาได้อย่างถูกวิธี

2. เล็บมีสีดำคล้ำผิดไปจากสีเล็บปกติ
กิดจากการที่เล็บของคุณไปกระทบกระแทกกับสิ่งใดแรงๆ และหากบริเวณปลายนิ้วมีอาการ
บวมเป่งด้วย อย่าปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบไปพบแพทย์โรคผิวหนัง และที่สำคัญอย่าแคะเขี่ย เพื่อให้อาการ
บวมเป่งนั้นยุบแฟบ เพราะหากนิ้วและเล็บคุณเป็นแผล อาจเกิดการติดเชื้อลุกลามได้

3. เล็บเปลี่ยนเป็นสีต่างจากสีเล็บปกติ
ไม่ว่าจะเป็นสีแดง น้ำเงิน เหลือง น้ำตาลหรือสีอื่นใดที่ผิดจากปกติโดยที่ไม่ได้เกิดจากการกระทบ
กระแทกหรือเสียดสีใดๆ ให้คิดก่อนว่านั่นอาจหมายถึงเล็บของคุณเกิดการติดเชื้อ ควรไปพบแพทย์
โรคผิวหนังเพื่อรับการตรวจรักษา

เหลืออีกเพียบเลยล่ะคะ เดี๋ยวติดตามตอนต่อไปนะคะ
ก่อนอื่นขอบคุณ ผู้มีพระคุณก่อนคะhttp://www.gpo.or.th/news/interest/inter21.htm

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552


ส่วนด้านล่าง นี้มันออกจะเวอร์หน่อยนะ แต่ว่าก็เรื่องจริง!!!!

นี่นะ นึกว่าเท่ นักหรอจ๊ะ

ขอบคุณภาพจากเพื่อนรักฉันเอง 55++

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

9 ประการ เพื่อความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษ
๑. Practice where you can, when you can ควรจะหัดพูดทุกที่ทุกเวลาที่เราจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะพูดกับเจ้าของภาษา หรือไม่ ก็ตาม

๒. Build your confidence คุณต้องพยายามสร้างความมั่นใจให้กับตนเองในการพูด และพยายาม
ใช้โครงสร้างประโยคที่ง่ายๆ อย่าไปกังวลเรื่องไวยากรณ์มากจนเกินไป

๓. Experiment with the English you know ลองใช้คำศัพท์ที่ท่านรู้ โดยอาจจะประยุกต์ กับสถานการณ์ ใหม่ ๆ คุณแอนดรูว์ บิกส์ เคยบอกไว้ว่า ฝรั่งส่วนใหญ่มักจะช่วยเราแก้คำศัพท์ที่พูดมากกว่าจะติเรื่องการใช้ ไวยากรณ์

๔. Respond to what people say to you เวลาฝรั่งพูดกับเรา ต้องพยายามตอบนะคะ ลองตั้งใจฟังว่า ประเด็นสำคัญคืออะไร สังเกตจากท่าทางของผู้พูด เราอาจจะพอเดาคำตอบได้คะ

๕. Try not to translate into Thai อย่าพยายามแปลเป็นภาษาไทยทุกคำพูดเพราะจะทำให้เสียเวลามาก และยิ่งทำให้เกิดความลังเลมากยิ่งขึ้น

๖. Don’t speak too fast อย่าพูดเร็วเกินจนเกินไป บางครั้งเราคิดว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่เราพูด แต่จริงๆ
อาจจะไม่ใช่

๗. Try to relax ใจเย็น ๆ ในขณะที่พูด อย่ารน พยายามดัดเสียงให้คล้ายกับเจ้าของภาษา เท่าที่ทำได้

๘. Don't be shy to speak อย่าอายที่จะพูด ยิ่งพูดบ่อย เราก็จะมั่นใจขึ้นคะ

๙. Remember to be polite ใช้คำพูดที่สุภาพ มีการกล่าวขอบคุณ ( Thank you ) และ ใช้คำเช่น ขอความกรุณา (Please ) เป็นต้น

และ Thank you ที่ให้ความรู้แก่ข้าพเจ้า :http://intereladsd.blogspot.com/2007/11/368.html
บันทึกส่วนตัว
ชอบมากๆๆเลยสำหรับบทเพลงนี้ รู้สึกว่าเข้ากับตัวเองดี
ถูกจดเป็นบันทึก ส่วนตัวมานานแสนนาน
วันดีๆ ของฉันและของเธอ
ถูกเก็บเป็นความลับ ไม่เคยมีใครรู้เลย
ความเป็นจริงคือเรารักกัน

ทรมานเท่าไร ที่ต้องทำเป็นเมินหมางกัน
ทั้งๆ ที่รักมันเต็มล้นใจ
ยามที่เราใกล้กัน กลับดูเหมือนว่าไกลแสนไกล
ไม่อยากจะทำแต่มันจำเป็น

เมื่อไหร่ที่ความรัก จะไม่เป็นความลับซะที
ฝันที่มี เหมือนจะหมดความหมาย
ต้องรออีกนานไหม ต้องทนไปจนถึงวันไหน
ฝันของเรา ถึงจะเป็นเรื่องจริง

อึดอัดอยู่อย่างนี้ ก็กลัวจะมีสักวัน
รักที่ฝันจะไปไม่ถึงฝั่ง
โปรดเถอะอย่าเพิ่งท้อ ต้องรอต้องมีหนทาง
ขอให้ฉันและเธอมั่นใจ

ทรมานเท่าไร ที่ต้องทำเป็นเมินหมางกัน
ทั้งๆ ที่รักมันเต็มล้นใจ
ยามที่เราใกล้กัน กลับดูเหมือนว่าไกลแสนไกล
ไม่อยากจะทำแต่มันจำเป็น

เมื่อไหร่ที่ความรัก จะไม่เป็นความลับซะที
ฝันที่มี เหมือนจะหมดความหมาย
ต้องรออีกนานไหม ต้องทนไปจนถึงวันไหน
ฝันของเรา ถึงจะเป็นเรื่องจริง

เมื่อไหร่ที่ความรัก จะไม่เป็นความลับซะที
ฝันที่มี เหมือนจะหมดความหมาย
ต้องรออีกนานไหม ต้องทนไปจนถึงวันไหน
ฝันของเรา ถึงจะเป็นเรื่องจริง

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

รางวัลซีไรต์ (อังกฤษ: S.E.A. Write) มีชื่อเต็มว่า รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (อังกฤษ: Southeast Asian Writers Award) เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2522 เป็นรางวัลประจำปีที่มอบให้แก่กวีและนักเขียนใน 10 ประเทศรัฐสมาชิกแห่งสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปัจจุบัน

โดยงานเขียนที่ได้รับรางวัลเป็นผลงานที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง และมีงานเขียนหลากหลายรูปแบบที่ได้รับรางวัล อย่างเช่น กวีนิพนธ์ เรื่องสั้น นวนิยาย ละครเวที คติชนวิทยา รวมไปถึงงานเขียนด้านสารคดีและงานเขียนทางด้านศาสนา พิธีจะถูกจัดขึ้นในกรุงเทพมหานคร โดยมีพระบรมวงศานุวงศ์ทรงเป็นประธานในพิธี

นับตั้งแต่มีการก่อตั้งรางวัลซีไรต์ขึ้น สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงประกอบด้วยรัฐสมาชิกเพียง 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ต่อมา ในปี พ.ศ. 2527 บรูไนได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เวียดนามเข้าร่วมในปี พ.ศ. 2538 ลาวและพม่าเข้าร่วมในปี พ.ศ. 2540 และกัมพูชาเข้าร่วมหลังสุดในปี พ.ศ. 2542


สำหรับไทยมีดังนี้

คำพูน บุญทวี (26 มิถุนายน 2471 - 4 เมษายน 2546) นักเขียนสารคดี เรื่องสั้น และนวนิยายเกี่ยวกับชีวิตของชาวไทอีสานและชีวิตคนในคุก ได้รับรางวัลซีไรท์เป็นคนแรกของไทยเมื่อ พ.ศ. 2522 จากนวนิยายเรื่อง ลูกอีสาน และเป็นได้รับยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปี พ.ศ. 2544

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2483 ที่อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี

ศึกษาที่ โรงเรียนวิสุทธรังษี โรงเรียนทวีธาภิเศก โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, จบปริญญาตรีนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, และปริญญาศิลปศาสตร์กิตติมศักดิ์จากสหวิทยาลัยทราวดี (วิทยาลัยครูกาญจนบุรี)

เริ่มงานเขียนครั้งแรกเมื่อเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เนื่องจากได้พบโคลงที่บิดาเขียนไว้เมื่อครั้งยังหนุ่ม จึงอยากเขียนได้เช่นนั้นบ้าง ผลงานมีทั้ง ร้อยกรอง และร้อยแก้ว เมื่อเรียนอยู่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยอยู่ชุมนุมวรรณศิลป์มาก่อน

เมื่อ พ.ศ. 2523 ได้รับรางวัลซีไรต์จากกวีนิพนธ์รวมเล่มเรื่องเพียงความเคลื่อนไหว

เมื่อ พ.ศ. 2536 ได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ สาขาย่อยกวีนิพนธ์ จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ


อัศศิริ ธรรมโชติ นักเขียนเรื่องสั้น เจ้าของรางวัลซีไรท์ปี พ.ศ. 2524 เกิดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จบชั้นมัธยมปีที่ 4 จากโรงเรียนไกลกังวล หัวหิน แล้วมาศึกษาต่อที่โรงเรียนผดุงศิษย์พิทยา กรุงเทพมหานคร หลังจากเป็นลูกจ้างชั่วคราวของสำนักงานสถิติแห่งชาติ 2 ปี จึงกลับมาสอบเข้าศึกษาต่อที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2513 ครั้นสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีแล้ว ได้เริ่มทำงานกับผู้ผลิตหนังสือ "ประชากร" ระยะหนึ่ง ก่อนจะโยกย้ายไปประจำ "ประชาชาติ" , "สยามรัฐรายวัน" , "สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์" , "มาตุภูมิ" , "สู่อนาคต" และหวนคืนสู่ "สยามรัฐ" จวบจนปัจจุบัน

เริ่มเขียนหนังสือตั้งแต่เป็นนิสิต โดยเฉพาะ"สำนึกของพ่อเฒ่า" เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกในชีวิต ได้รับการคัดเลือกให้ได้อันดับสามจากการประกวดชิงรางวัล "พลับพลามาลี" เมื่อปี 2515 ของชุมนุมวรรณศิลป์จุฬาฯ จากนั้นอีกราวหกปี คือ พ.ศ. 2521 มีหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มแรกชื่อปก "ขุนทอง เจ้าจะกลับมาเมื่อฟ้าสาง" หนังสือเล่มนี้ทำให้อัศศิริได้รับรางวัลซีไรท์ในปี พ.ศ. 2524

อัศศิริยังมีผลงานการเขียนบทละครโทรทัศน์เช่น เรื่อง "ขุนเดช" ของสุจิตต์ วงศ์เทศ และ "แม่นากพระโขนง"


ชาติ กอบจิตติ (25 มิถุนายน 2497 - ) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปีพ.ศ. 2547 และนักเขียน 2 รางวัลซีไรต์ และรางวัลช่อการะเกด


และท่านอื่นๆ เชิญคลิกอ่านรายละเอียดด้านในนะคะ


ประสาทพร ภูสศิลป์ธร

วาณิช จรุงกิจอนันต์

กฤษณา อโศกสิน

อังคาร กัลยาณพงศ์

ไพฑูรย์ ธัญญา

นิคม รายยวา

จิระนันท์ พิตรปรีชา

อัญชลี วิวัธนชัย

มาลา คำจันทร์

ศักดิ์ศิริ มีสมสืบ

วินัย บุญช่วย

ชาติ กอบจิตติ

ไพวรินทร์ ขาวงาม

กนกพงศ์ สงสมพันธุ์

วินทร์ เลียววาริณ

แรคำ ประโดยคำ

วินทร์ เลียววาริณ

วิมล ไทรนิ่มนวล

โชคชัย บัณฑิต

ปราบดา หยุ่น

เดือนวาด พิมวนา

เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์

บินหลา สันกาลาคีรี

งามพรรณ เวชชาชีวะ

มนตรี ศรียงค์

วัชระ สัจจะสารสิน

อุทิศ เหมะมูล


แหล่งที่มา

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B9%8C


10อันดับหนังการ์ตูนอนิเมชั่น ทำเงินสูงสุดในประเทศไทย

อยากรู้ตามมาอ่านกันคะ่

อันดับ10 Shark Tale(2004) ทำรายได้ไป25.9ล้านบาท


ออสการ์ คือ ปลาน้อยช่างจ้อที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ แต่ฝันอันยิ่งใหญ่นั้นกลับทำให้ออสการ์เหมือนถูกจับลงหม้อต้ม เมื่อคำโกหกเพียงเรื่องเดียว
ทำให้ออสการ์กลายเป็นฮีโร่อย่างไม่น่าเป็นไปได้ ในตอนแรก บรรดาเพื่อนปลาของออสการ์ต่างหลงคำโกหกที่ออสการ์โม้เอาไว้อย่างเมามัน
จนออสการ์ได้รับทั้งชื่อเสียงและเกียรติยศ

ทุกอย่าง น่าจะราบรื่นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเหตุการณ์เริ่มบ่งชี้ว่าเรื่องเล่าของออสการ์ที่บอกว่าเขาคือผู้ พิทักษ์แนวปะการังล้วนแต่เป็นคำโม้โอ้อวด
ออสการ์จึงได้รู้ว่าการเป็น ฮีโร่ต้องมีการลงทุนลงแรง เมื่อคำโกหกของเขาเองบีบให้ออสการ์ต้องแสดงความยิ่งใหญ่ บัดนี้ออสการ์ต้องออกผจญภัย
ในท้องน้ำจนกว่าเขาจะสามารถสร้างวีรกรรมยิ่งใหญ่ ที่จะทำให้เขากลับคืนสู่ความเป็นขวัญใจของประชาชนปลาอีกครั้ง....


อันดับ9 Monsters, Inc.(2001) ทำรายได้ไป30.2ล้านบาท

เมื่อ ถึงเวลาเข้านอน เด็กๆเทั่วโลกต่างรู้ดีว่า เมื่อพ่อแม่ของพวกเขา พาพวกเขาขึ้นเตียงนอน และ.ปิดไฟมืดเมื่อไหร่ สัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ หลัง ประตูตู้เสื้อผ้าจะกระโดดออกมาทันที แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยรู้เลยก็คือที่สัตว์ประหลาดเหล่านี้ต้องหลอกให้เด็กๆ กลัว ไม่ใช่แค่เรี่องล้อเล่นส่วนตัว มันคืองานของพวกสัตว์ประหลาดทั้งหลาย มอนสโทรโพลิส คือบ้านของเหล่าประชากรสัตว์ประหลาดที่มีทุกรูปร่างและทุกขนาด แหล่งพลังงานหลัก ของพวกมันได้มาจากเสียงกรีดร้องของมนุษย์ และโรงงานที่ผลิตเสียงกรีดร้องขนาดใหญ่ที่สุด ก็คือทีมสัตว์ประหลาดแถวหน้าของโรงงาน จะ เดินทางสู่โลกมนุษย์โดยผ่านประตูตู้เสื้อผ้าในยามค่ำคืน ก็เพื่อหลอกเด็กๆให้ตกใจกลัว และเก็บเสียงกรีดร้องของพวกเขาเอาไว้ ที่ทำให้งานนี้ยากมาก
ก็คือความจริงที่ว่า สัตว์ประหลาด เหล่านี้เชื่อว่าพวกเด็กๆคือของมีพิษ และถ้าไปแตะโดนตัวเด็กเข้าจะนำมาซึ่งหายนะ..


อันดับ8 Shrek 2(2004) ทำรายได้ไป 31.3ล้านบาท

หลัง จากต่อสู้กับมังกรพ่นไฟ และลอร์ดฟาร์ควอดผู้ชั่วร้าย เพื่อชนะใจ เจ้าหญิงฟีโอน่า บัดนี้ เชร็ค ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายสูงสุด นั่นก็คือ พ่อตากับแม่ยาย เชร็คกับเจ้าหญิงฟีโอน่ากลับมาจากฮันนีมูน เพื่อไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของฟีโอน่า ซึ่งเป็นพระราชาและราชินี แห่งอาณาจักรฟาร์ฟาร์อะเวย์
คู่ข้าวใหม่ปลามันออกเดินทาง โดยมี ด๊องกี้ เป็นเพื่อนร่วมทาง ประชาชนชาวเมืองฟาร์ฟาร์อะเวย์ ต่างยินดีต้อนรับการกลับมาของเจ้าหญิงของพวกเขา พระบิดาและพระมารดาของ เจ้าหญิง ต่างเฝ้ารอการกลับบ้านของพระธิดา และเจ้าชายผู้เป็นสวามี แต่พวกเขาไม่เคยได้เตรียมตัวเตรียมใจ ที่จะต้อง มาเห็นภาพของลูกเขยคนใหม่ นี่ยังไม่รวมถึง การที่พวกเขาจะต้องเห็นลูกสาวตัวน้อยแสนสวย ที่...เปลี่ยนแปลงไปมาก

เชร็คและฟีโอน่าไม่เคยรู้เลยว่า การแต่งงานของพวกเขา จะไปทำลายแผนการที่พ่อวางแผนไว้ ให้กับอนาคตของเจ้าหญิง ...และอนาคต ของพระราชาเองด้วย ถึงตอนนี้ พระราชาต้องขอความช่วยเหลือจากนางฟ้า, เจ้าชายรูปงาม และนักฆ่ายักษ์ที่มีชื่อเสียง พุสส์ อิน บู้ตส์ เพื่อสร้างตอนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ...ในแบบที่เขาต้องการ


อันดับ7 Toy Story 2(2000) ทำรายได้ไป 34ล้านบาท

การ เดินทางไปเข้าแคมป์คาวบอยของแอนดี ปล่อยให้บรรดาของเล่นได้กลับมามีชีวิตชีวากับอุบายหลากหลายอีกครา เรื่องราวยิ่งเข้มข้นขึ้นทุกขณะ เมื่อนักล่าของเล่นอย่าง อัล แม็กวิกกิน (เจ้าของ ทอยบาร์น)กระทำการลักพาตัววูดีอย่างอุกอาจ ซึ่งที่อพาร์ตเมนต์ของอัลนั่นเอง ที่วูดีได้พบว่า
ตัวเองนั้นเป็นหนึ่งในของสะสมอันมีค่าจากภาพยนตร์ทีวีที่ออกฉายปี 1950 เรื่อง Woody's Roundup นอกจากนี้ เขายังได้พบกับบรรดาของเล่น ราคา แพงตัวอื่นๆ จากรายการทีวีเรื่องเดียวกันนี้อีกด้วย ทั้งเจสซี โคบาลสาว, ม้าบุลส์อาย และ สติงกี พีท นักขุดทอง ย้อนกลับมายังสถานที่
เกิดเหตุ กันบ้าง ที่นั่นบัซ ไลต์เยียร์ และของเล่น อื่นๆในห้องของแอนดี้ อันได้แก่ มิสเตอร์โปเตโตเฮด, หมาสลิงกี้, เร็กซ์ และแฮมม์ ต่างก็ติด เครื่องพร้อมลุยเพื่อทำการช่วยเหลือเพื่อนรักให้รอดพ้นจากพิพิธภัณฑ์ ของเล่นแห่งนั้นทั้งหมดต่างตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเสียแล้ว เมื่อต้องแข่งกับเวลา ในการนำพาตัววูดีกลับบ้านให้ได้ก่อนที่แอนดีจะกลับมา


อันดับ6 Ice Age - The Meltdown (2006) ทำรายได้ไป 39.4 ล้านบาท

สามสหายยังคงร่วมหัวจมท้ายอยู่ด้วยกัน และสนุกสนานไปกับโลกที่กำลังละลาย แมนนี่ก็พร้อมแล้วที่จะสร้างครอบครัว แต่ก็นานมากแล้ว ที่ ไม่เคยมีใครเห็นช้างแมมม็อธตัวอื่นเลย แมนนี่เลยปลงตกคิดว่าตัวเองคงเป็นช้างแมมม็อธตัวสุดท้าย จนกระทั่งเขาพบกับ แอลลี่ อย่างปาฏิหาริย์
ซึ่งเธอเป็นช้างแมมม็อธเพศเมียตัวสุดท้ายบนโลก ใบนี้ ติดปัญหาอยู่นิดที่ว่า ทั้งสองไม่อาจปรองดองกันได้แม้สักวินาทีเดียว แถมแอลลี่ยังคิดว่า ตัวเธอเป็น พอสซั่ม เสียด้วยซ้ำไป แอลลี่ ยังมีภาระติดตัวเป็น “พี่น้อง” พอสซั่มสองตัวชื่อ แครช กับ เอ็ดดี้ คู่หูป่วนนรก และเป็นตัวสร้างปัญหา
ปากเสียสุดอวดดีอีกด้วย

ไม่ นานนักทั้ง แมนนี่ ซิด และ ดิเอโก้ ต่างก็เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า อุณหภูมิที่อุ่นขึ้น ส่งผลเสียใหญ่หลวงคือ เขื่อนน้ำแข็งขั้วโลกขนาดมหึมา ที่ กักเก็บน้ำเค็มทั้งมหาสมุทรไว้กำลังจะพังทลาย แล้วทั้งหุบเขาก็จะถูกน้ำท่วมในพริบตา ทางรอดเดียวที่มองเห็นก็ดันอยู่สุดสายปลายหุบเขาฝั่งโน้น
ฮีโร่ทั้งสาม ตัวพร้อมด้วย แอลลี่ แครช และ เอ็ดดี้ จึงเดินทางดังครอบครัวเดียวกัน – ชนิดไม่มีประเด็น “ใครเป็นพี่ ใครเป็นน้อง” ให้ต้องถกเถียง ร่วมแรงร่วมใจในปฏิบัติการกู้โลกที่ต้องข้ามดินแดนสุดแสนอันตราย และนับวันก็จะยิ่งเปลี่ยนแปลงแปลกแยกไปทุกที


อันดับ5 A Bug's life(1998) ทำรายได้ไป 39.5 ล้านบาท

ฟลิ ก เป็นมดที่มีจินตนาการ และมีความทะเยอทะยานเหนือกว่ามดตัวอื่นนับล้านตัวในอาณานิคม แต่ด้วยความซุ่มซ่าม ของฟลิกมักสร้างความเสียหาย มากกว่าที่จะสร้าง ประโยชน์ แล้ววันหนึ่งก็เป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของฟลิก เมื่อบรรดาชาวมดเตรียมอาหารไว้เป็นบรรณาการให้ฝูงตั๊กแตนจอมละโมบ
นำโดยเจ้าฮ๊อปเปอร์หัวหน้าแก๊งจอมโหด ความซ่มซ่ามของฟลิกทำให้อาหารตกลงน้ำหมด สร้างความหัวเสียให้กับฮ๊อปเปอร์ตัวแสบ ซึ่งบังคับให้ ฝูงมดรวบรวมอาหารใหม่ให้เสร็จก่อนถึงฤดูใบไม่ร่วง

ในขณะที่ฝูงมดต้องกล้ำกลืนความทุกข์ระทม และพยายามรวบรวมอาหารอีกครั้ง ฟลิกก็วางแผนหรูอีกครั้งโดยรับอาสาออกไปหานักรบยอดฝีมือ เพื่อ กลับมาช่วยต่อสู้กับเหล่าตั๊กแตนของฮ๊อปเปอร์ ฝูงมดที่เหลือต่างเห็นด้วยและสุดแสนจะดีใจที่ฟลิกจะออกไปนอกอาณาจักร พวกเขาสุดจะทนเห็น
ฟลิกก่อความความวุ่นวายในขณะที่ ต้องทำงานหนักในการสะสมอาหารเพื่อฝูงตั๊กแตน

ด้วย ความที่ฟลิกไม่คุ้นเคยกับชีวิตในเมืองใหญ่ เจ้ามดน้อยทำผิดพลาดอีกครั้งเมื่อหลงเข้าใจว่านักแสดงละครสัตว์เป็นยอดนักรบ ผู้ยิ่งใหญ่ จึงตกลงว่าจ้างเหล่านักแสดงกลุ่มนั้น เมื่อฟลิกพากลับมาที่รังและค้นพบความจริง มันเหมือนกับเป็นเคราะห์ที่กระหน่ำซ้ำเติมอาณาจักรมด แต่ขึ้นชื่อ ว่าฟลิกแล้วไม่เคยจนไอเดีย เขาวางแผนขั้นสุดยอดต่อไป เพื่อต่อต้านกับฝูงตั๊กแตนและทำให้ฮีอปเปอร์ได้รู้ว่า ที่นี่ใครใหญ่ !!!


อันดับที่ 4 The Incredibles (2004) ทำรายได้ไป 40.1 ล้านบาท

การ ผจญภัยของอดีตซูเปอร์ฮีโร่ บ๊อบ พาร์(หรืออดีต ดิ อินเครดิเบิ้ล) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ขจัดอาชญากรรมนิรนามมือหนึ่ง ได้ต่อสู้กับวายร้าย เป็นกิจวัตรประจำวัน แต่15 ปีให้หลัง เขาและเฮเลน (อดีตซูเปอร์ฮีโร่เหมือนกัน)ถูกบังคับให้ใช้ชีวิตแบบปกติสามัญในแถบชานเมือง พวก เขาใช้ชีวิตแบบมนุษย์ธรรมดาและปกติสุขกับลูกๆ ที่ทำตัวปกติในแบบชีวิตของตัวเอง ในฐานะพนักงานประกันภัยกินเงินเดือน สิ่งเดียวที่บ๊อบ ต้องต่อสู้ในทุกวันนี้คือ ความเบื่อหน่ายและรอบเอวที่นับวันจะขยายมากขึ้น

ซูเปอร์ ฮีโร่ตกงานที่ฝันอยากจะผดุงความยุติธรรมพบโอกาสของเขา เมื่อมีเสียงลึกลับติดต่อให้เขาไปยังเกาะที่ห่างไกลผู้คนเพื่อรับมอบหมาย ภารกิจลับสุดยอด บัดนี้ ด้วยชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน ครอบครัวอดีตซูเปอร์ฮีโร่จึงต้องประสานกำลังกันเป็นหนึ่งเดียวและค้นหา พลังพิเศษในครอบครัวพวกเขา


อันดับที่ 3 Dinosaur (2000) ทำรายได้ไป 42 ล้านบาท

Aladar ไดโนเสาร์พันธุ์ Iguanodon พลัดพราก จากฝูงของตน และเติบโต ท่ามกลางครอบครัวลิง Lemur ตราบจนวันหนึ่ง เมื่อฝนอุกาบาต กระหน่ำ ลงบนพื้นผิวโลก เขาและครอบครัวลิง Lemur จำต้องละทิ้งเกาะ อันเป็นถิ่นที่อยู่ ที่บัดนี้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด เหลือรอด เข้าร่วม กับ ฝูงไดโนเสาร์อพยพโดยบังเอิญ และแล้วการผจญภัย เพื่อหาถิ่นที่อยู่ใหม่ อันปลอดภัย เพื่อสืบทอด เผ่าพันธุ์ ก็เริ่มต้นขึ้น พร้อมความหมาย ของครอบครัว มิตรภาพ ความกล้าหาญ ความหวัง และการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด


อันดับที่ 2 Finding Nemo (2003) ทำรายได้ไป 55.9 ล้านบาท

มา ร์ลิน ปลาการ์ตูนพ่อม่าย ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มที่ในการปกป้อง นีโม ลูกชายตัวเดียวของเขาให้ได้ แม้ใจเขาจะมีทั้งความกลัวและความ กังวลประดังถาโถมเข้ามา...และแล้ว เวลาที่นีโมจะต้องออกจากบ้านอันแสนปลอดภัยของเขาก็มาถึง ในวันแรกของการไปโรงเรียน มาร์ลิน เป็น ห่วงมากจึงไปส่งลูกชายเอง ด้วยนิสัยที่วิตกกังวลเกินเหตุไปกับทุกการเคลื่อนไหวของลูก จนนีโมรู้สึกว่าพ่อเริ่มเว่อร์ไปหน่อย เจ้าหนูจึง ท้าทายพ่อด้วยการทำ ซนว่ายผ่านแนวหินเพื่อเข้าไปสำรวจเรือลำหนึ่ง แต่แล้วเรื่องคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อนักดำน้ำโผล่เข้ามารวบร่างของนีโม หายไปต่อหน้าต่อตามาร์ลินซึ่งไม่อาจช่วยอะไรได้ทัน!

หัวใจ ที่หล่นวูบทำให้มาร์ลินว่ายพรวดออกตามหาลูกชายอย่างบ้าคลั่ง เขาก็กระโจนเข้าขอความช่วยเหลือจาก โดรี่ ปลาขี้ตังเบ็ดฟ้าซึ่งยินดีให้ ความ ช่วยเหลือเต็มที่ แต่ปัญหาคือโดรี่ดันมีความจำแสนสั้นและพร้อมจะลืมทุกอย่างในเสี้ยววินาที คู่หูไม่ธรรมดาคู่นี้จึงออกผจญภัยในภารกิจที่ ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะสำเร็จได้เลย


และรายได้อันดับ1สูงสุดคือ ก้านกล้วย(2006) ทำรายได้ไป 103.5 ล้านบาท

ถือ ว่าเป็นหนังอนิเมชั่นไทย ที่ทำรายได้สูงมากๆภาพยนตร์เรื่องก้านกล้วยถือเป็นภาพยนตร์ที่สร้าง ประวัติการณ์ให้กับวงการหนังไทยด้วยยอดรายได้ ที่ทะลุถึง 100ล้านและกระแสที่ยืนโรงนานกว่า 1 เดือนพร้อมด้วยกระแสตอบรับจากคนดูที่กล่าวชื่นชมถึงฝีมือของคนไทยที่ไม่แพ้ต่างประเทศ


Bee movie และ Kungfu Panda

และมีหนังใหม่กำลังจะเข้าฉายในปีนี้คือ Wall-E




แต่ ในช่วงนี้นั้นหนังแนวนี้ออกเป็นDVD ค่อนข้างเร็วการทำรายได้ในโรง ก็เป็นเรื่องยาก คงจะมีแค่10อันดับที่ว่ามา ที่จะเป็นรายได้ในประเทศไทยตลอดกาล....

ขอบคุณข้อมูลจาก http://fwmail.teenee.com/etc/24097.html
5 อันดับหนัง
ที่ทำเงินของฮอลลิวูด 3 พฤศจิกายน 2552


มีดังนี้เจ้าคะ เริ่มจาก
อันดับ 5 – "Saw VI" สุดสัปดาห์ของ Halloween ภาพยนต์เรื่อง Saw ภาค 6 ซึ่งเป็นภาพยนต์แนวสยองขวัญ ที่ดูเหมือนจะเสนอตัวมาเคียงคู่กับ Halloween เป็นประจำ ตกจากอันดับ 2 ลงมาอยู่ที่อันดับ 5

อันดับ 4 – "Couple Retreat" หนังแนวชีวิตแกมขำๆ เกี่ยวกับปัญญามาตรฐานทั่วไปในชีวิตคู่ และการค้นหาทางแก้ เข้าฉายมาได้ 4 สัปดาห์ ขยับมายืนอยู่ที่อันดับ 4

อันดับ 3 – "Law Abiding Citizen" หนังแนวแอ็คชั่น เรื่องเกี่ยวกับหัวหน้าครอบครัว ซึ่งเป็นราษฎรที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐบาล หลังจากที่ลูกเมียถูกฆ่า จึงหันมาใช้มาตรการส่วนตัวเพื่อแก้แค้นฆาตรกร และท้าทายมือกฏหมายอย่างไม่เกรงใจ สุดสัปดาห์นี้กระโดดจาที่ 4 ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 3

อันดับ 2 – "Paranormal Activity" หนังแนวจิตวิญญาณบ้านผีๆ มีฐานะเป็นภาพยนต์ที่มีอัตรากำไรสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ จากเงินทุนสร้างเพียงแค่ 15,000 ดอลล่าร์ แต่ทำรายได้เกือบ 85 ล้านไปแล้ว

อันดับ 1 – "Michael Jackson's This Is It" เป็นการประมวลคลิปต่างๆ ของการซ้อมใหญ่ของไมเคิล แจ็คสัน ก่อนเสียชีวิตมาเสนอต่อแฟนๆ แต่เป็นเพียงแค่สองสัปดาห์เท่านั้นเอง เข้าฉายสัปดาห์แรก ทำรายได้ไป 32 ล้านดอลล่าร์ในสหรัฐเท่านั้น และ 101 ล้านดอลล่าร์ทั่วโลก

ขอบคุณมากคะคะ http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=1270649
ดูหนังฟรี

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552



จิงโจ้ สัตว์ประจำชาติออสเตรเลีย จนมีตราประจำชาิติ
ข้าพเจ้า เองมีความสนใจใน ประเทศออสเตรเลีย มาก และมีความมุ่งหวังที่จะไปทำงานที่นั่น ซึ่ง ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ของข้าพเจ้าเอง ยังตั้งใจที่จะไปท่องเที่ยวที่นั่นให้ได้ด้วย

จิงโจ้ (อังกฤษ: Kangaroo) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมใน วงศ์ที่มีกระเป๋าหน้าท้อง (macropod) (สัตว์อื่นๆ ได้แก่ วอลลาบี จิงโจ้ต้นไม้ วอลลารู เป็นต้น ทั้งหมด 63 ชนิดด้วยกัน) เป็นสัตว์ประจำท้องถิ่นออสเตรเลีย


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B9%89
ภาพจาก
http://img392.imageshack.us/i/kangaroozo4.jpg/
ทำงานที่ญี่ปุ่นสนใจก็อ่านรายละเอียดกันเลยคะ
นี่เป็นโครงการที่เรียกว่าเหมาะสำหรับผู้ชายเท่านั้นคะ แหม๋ สาวๆๆอย่างเราเสียดายจัง !!!
http://115.31.137.7/nongkhai/PDF3/IMM202007.pdf

Labor Law.
กฎหมายแรงงานที่ต้องรู้
ในช่วงภาวะปัญหาเศรษฐกิจถดถอยแบบ นี้ ทำให้นายจ้างหลายต่อหลายราย มีปัญหาเรื่องค่าจ้างแรงงาน มีการเลิกจ้างลูกจ้างเป็นจำนวนมาก โดยนายจ้างใช้วิธีการแตกต่างกัน เช่น บีบให้ออกจากงาน ย้ายแผนก ย้ายที่ทำงาน ลดเบี้ยเลี้ยง โอที ยัดข้อหา หรือประเมินผลงานทำงานว่าไม่มีประสิทธิภาพ

ยุบฝ่าย หรือยุบกิจการหรือนำเทคโนโลยีมาใช้แทน ทนายคลายทุกข์จึงขอนำตัวบทกฎหมายและคำพิพากษาของศาลฎีกาที่น่าสนใจ การที่เป็นประโยชน์ต่อนายจ้างและลูกจ้าง โดยขอนำเสนอประเด็นที่น่าสนใจเป็นข้อ ๆ ดังนี้คือ

1.ลูกจ้างซึ่งทำงานก่อสร้างหรือ ใช้แรงงานกับผู้รับเหมาช่วง ถึงกำหนดใช้จ่าย ผู้รับเหมาช่วงอ้างว่าผู้รับเหมาชั้นต้นไม่ยอมจ่ายค่าจ้าง กรณีนี้ลูกจ้างสามารถเรียกเงินจากผู้รับเหมาช่วง ผู้รับเหมาหลักและเจ้าของโครงการได้ ตามมาตรา 5

2.การเลิกจ้างทำได้ 3 กรณี

- สัญญาจ้างมีกำหนดระยะเวลา เมื่อสิ้นสุดระยะเวลา

- ลูกจ้างกระทำความผิดตามมาตรา 119 และ ปพพ.มาตรา 583

- การเลิกจ้างระหว่างทดลองงาน

3.การเลิกจ้างต้องทำเป็นหนังสือเท่านั้น จะเลิกจ้างด้วยวาจาไม่ได้ มาตรา 17 และต้องบอกเหตุผลไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง

4.การเลิกจ้างระหว่างทดลองงาน ถ้าลูกจ้างกระทำความผิด หรือหย่อนประสิทธิภาพ เลิกจ้างได้ทันที โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า แต่ถ้าลูกจ้างมิได้กระทำความผิด ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ตามมาตรา 17 วรรค 2 และ 4

5.การทดลองงานจะถือว่าเป็นการจ้างที่มีกำหนดระยะเวลา จะต้องระบุให้ชัดเจนว่า ทดลองงานจนถึงวันที่เท่าใด ถ้าระบุว่าทดลองงานไม่เกิน 120 วัน ถือว่าเป็นการจ้างโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา ดังนั้นเมื่อจะเลิกจ้างต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ยกเลิกกระทำความผิด

6.การร้องขอความเป็นธรรมต่อเจ้าพนักงานตรวจแรงงาน ให้ลูกจ้างยื่นคำร้องในท้องที่ที่ลูกจ้างทำงานอยู่หรือที่ลูกจ้างมีภูมิ ลำเนาอยู่ ตามมาตรา 123

พนักงานตรวจแรงงานต้องมีคำสั่งภายใน 60 วัน นับแต่วันที่รับคำร้อง และถ้าลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินค่าชดเชย ต้องมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายเงินภายใน 15 วัน นับแต่วันที่นายจ้างทราบหรือถือว่าได้ทราบคำสั่ง มาตรา 124

7.นายจ้างหรือลูกจ้างไม่พอใจคำสั่งพนักงานตรวจแรงงานให้ฟ้องศาลแรงงานได้ภาย ใน 30 วัน นับแต่ทราบคำสั่ง ถ้าไม่ฟ้องศาลภายในกำหนดให้คำสั่งนั้นเป็นที่สุด ในกรณีนายจ้างฟ้องศาลต้องนำเงินค่าจ้างหรือค่าชดเชยไปวางต่อศาลก่อนจึงจะ ฟ้องคดีได้ มาตรา 125

8.ค่าชดเชยลูกจ้างจะเรียกได้มากหรือน้อยเป็นไปตามมาตรา 118 แต่ถ้าลูกจ้างทำผิดนายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามมาตรา 119

หากพี่น้องประชาชนท่านใดมีปัญหาเกี่ยวกับคดีแรงงานไม่ว่าจะเป็นนายจ้างหรือลูกจ้าง ตั้งกะทู้ถามมาที่เวบไซด์http://www.decha.com นี้ หรือโทร.02-948-5700

Thankhttp://www.pattanakit.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=534548991&Ntype=136

คุณ Robert T. Kiyosaki
เขียนหนังสือ พ่อรวยสอนลูก

เป็นหนังสือที่ให้แนวคิดในการสร้างตัว สร้างชีวิต เพื่อนำพาชีวิตให้หลุดพ้นไปจากสิ่งที่ผู้เขียนเรียกว่า "สนามแข่งหนู" เพื่อไปยังเส้นทางด่วนที่นำไปสู่ความมั่งคั่งและนำไปสู่อิสรภาพทางการเงิน ซึ่งให้ทั้งคำสอนและคำแนะนำเกี่ยวกับความรู้เรื่องการเงิน ซึ่งไม่เคยมีใครสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนแม้กระทั่งในโรงเรียน คนส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องการเงิน ซึ่งเป็นเพราะโรงเรียนไม่เคยสอนวิชาการเงิน

ผลที่เกิดขึ้นก็คือ ..... คนส่วนใหญ่จะทำงานเพื่อเงิน และไม่เคยรู้วิธีใช้เงินทำงานแทนเรา หนังสือเล่มนี้จะแสดงให้เห็นว่า การทำงานเพื่อเงินเดือนสูง ไม่ช่วยให้ร่ำรวยได้ "บ้าน" ไม่ใช่ทรัพย์สินอย่างที่คนส่วนใหญ่คิดกัน แต่มันคือหนี้สินต่างหาก

โรงเรียน ..... ไม่เคยสอนเรื่องการเงินให้เด็กเลย ... ความแตกต่างของคำว่า "ทรัพย์สิน" และ "หนี้สิน" ... วิธีสอนลูกเรื่องการเงินและวิธีประสบความสำเร็จทางการเงินแม้ว่าการเรียนแบบ เก่าๆ จะยังมีความสำคัญ แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับโลกปัจจุบัน หนังสือเล่มนี้จึงให้ความรู้เรื่องการเงินและวิธีใช้เงินที่ดีที่สุด

หนังสือ เรื่องนี้ ..... ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพราะพ่อฝรั่งสอนให้ลูกรู้จัก "เส้นทางด่วน" ที่นำไปสู่ความมั่งคั่งและนำไปสู่อิสรภาพทางการเงินอย่างรวดเร็ว

แต่ ..... บางคนคอมเมนต์ว่า พ่อฝรั่ง สอนให้ลูกโกงมากกว่าสอนให้ลูกเป็นคนรวยที่มีความสุข ในขณะที่พ่อผู้ยิ่งใหญ่หลายคนของเมืองไทย กำลังปวดหัวกับลูกนักเลงที่ยิงหัวคนเล่นในผับ หรือขี่รถเบนซ์คะนองเมืองจนเกิดเรื่องเกิดราว หรือไม่ก็พวกลูกคนรวยที่ใช้เวลาและเงินทองของพ่อแม่เอาไปมั่วดารานักร้องหมด ไปวันๆ

แต่ ..... พ่อรวยระดับร้อยล้าน เช่น "ดร.เป้ง" หรือ "สุวรรณ วลัยเสถียร" อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่เพียงแต่สอนให้ลูกรวยสินทรัพย์เท่านั้นแต่เขายังสอนให้ลูกร่ำรวยความสุข ร่ำรวย สุขภาพจิตอีกด้วย นี่คือ เคล็ด (ไม่) ลับ เรื่อง พ่อรวยสอนลูก ที่ ดร.เป้งตั้งใจเขียนให้คนเป็นพ่อและคนเป็นลูกอ่านล่าสุด หนังสือชุดดังกล่าวพิมพ์แจกจนนับครั้งไม่ถ้วน เพราะใครอ่านก็ชอบ ใครอ่านก็มีความสุข

ดร.เป้งเล่าว่า ..... ช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ครอบครัวไทยล่มสลาย เพราะแต่ละครอบครัวใช้เงิน กันเกินตัว กู้เงินกันมากเกินไป เอาเงินในอนาคตมาใช้เสียหมด พอถึงเวลาภัยพิบัติมา ครอบครัวจำนวนมากจึงล้มกันระเนระนาด
พ่อที่อยากให้ลูกรวยมีหลายประการ เช่นเรื่องโรงเรียนของลูก ไม่จำเป็นต้องส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ เพราะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุทุกวันนี้การส่งลูกไปเรียนนอกต้องจ่าย ปีละล้านบาท แต่ให้ลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติจ่ายแค่ปีละ 3 แสนบาท แถมลูกยังมีเพื่อนมากและได้ ใกล้ชิดพ่อแม่

"เงินก้อนเพื่อส่งลูก เรียนนอก อาจสูงถึง 20 ล้านบาท ถ้าลูกจบปริญญาตรี แต่ถ้าลูกเรียนเมืองไทย เงินก้อนนี้ก็ไม่ต้องใช้ เมื่อลูกเรียนจบ เงิน 20 ล้านคือเงินเริ่มต้นธุรกิจของลูก โดยไม่ต้องไปกู้ยืมจาก ธนาคาร"

ส่วน เรื่อง ..... การงาน สอนให้ลูกหลีกเลี่ยงการเป็นมนุษย์เงินเดือน เพราะการทำงานกินเงินเดือนเสียภาษีมาก ควรส่งเสริมให้ลูกเป็นผู้ประกอบการจะรวยเร็วกว่า

เรื่องต่อมาคือ ..... การลงทุนอย่างฉลาดในลงทุนซื้อบ้านเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ควรซื้อให้เกินกำลังที่คุณจะซื้อได้ เพราะเมื่อคุณทำงานไปเรื่อยๆ เงินเดือนคุณจะเพิ่มขึ้นไป เมื่อคุณซื้อเกินกำลัง นั่นแสดงว่าคุณซื้อบ้านได้ค่อนข้างดี เมื่อเงินเดือนคุณเพิ่มไปเรื่อยๆ อีกไม่กี่ปีก็เป็นการผ่อนจ่ายตามกำลัง พอผ่านไปอีกก็เป็นการผ่อนจ่ายอย่างสบาย เพราะว่าดอกเบี้ยต่ำมาก ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณซื้อบ้านราคา 10 ล้านบาท โอกาสที่บ้านจะขึ้นราคาเป็น 20 ล้าน หรือ 30 ล้านย่อมเป็นไปได้ แต่ถ้าคุณซื้อบ้าน 1 ล้านจะให้ราคาขึ้นเป็น 10 ล้านเป็นเรื่องยาก ฉะนั้นควรซื้อบ้านในราคาที่เกินกำลังเอาไว้

จากนั้น ..... ลูกที่อยากรวย ควรเรียนรู้ เรื่องการสร้างครอบครัว โดยมีข้อแนะนำคือ ลูกต้องยึดหลัก "ผัวเดียวเมียเดียว" หากครอบครัวใดมีภรรยาหลายคน มีลูกเกิดจากหลายแม่ เด็กๆ จะแก่งแย่งกัน และ ไม่รักปรองดองเหมือนกับมีแม่เดียว และจะแข่งกันใช้เงิน อันเป็นการผลาญทรัพย์สมบัติของครอบครัว

การบริหารเงินออมในครอบครัว สามีภรรยาจะต้องร่วมกันออมทรัพย์ หากคนใดคนหนึ่งเป็นคนใช้ จ่ายฟุ่มเฟือยแล้ว ฝ่ายที่หาเงินย่อมเหนื่อยใจ หรือเงินออมจะไม่โตเร็วเท่าที่ควร
ขอบคุณ http://www.oknation.net/blog/print.php?id=70717


ประเทศฝรั่งเศส หรือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (République Française) เป็นประเทศที่มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ทั้งยังประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่นๆ ในต่างทวีป ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบอังกฤษและทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า หกเหลี่ยม (L'Hexagone) เนื่องจากรูปทรงทางกายภาพของประเทศ ประเทศฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบกึ่งประธานาธิบดี โดยยึดอุดมการณ์จากปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และของพลเมือง

ประเทศฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โมนาโก อันดอร์ราและสเปน และเนื่องจากประเทศฝรั่งเศสมีดินแดนโพ้นทะเลไว้ในครอบครอง ทำให้มีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิลและซูรินาเม (ติดกับเฟรนช์เกียนา) และหมู่เกาะอินดีสเนเธอร์แลนด์ตะวันตก (ติดกับแซงต์-มาร์แตง) อีกด้วย นอกจากนั้นประเทศฝรั่งเศสยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษอีกด้วย

ประเทศฝรั่งเศสเคยเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 จักรวรรดิฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศจักรวรรดินิยมที่มีอาณานิคมในครอบครองมากที่สุดในโลก แผ่อาณาเขตตั้งแต่แอฟริกาตะวันตกจนถึงเอเชียอาคเนย์ ซึ่งเห็นได้ชัดจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม ภาษาและการเมืองการปกครองของดินแดนนั้นๆ ประเทศฝรั่งเศสถูกจัดให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 82 ล้านคนต่อปี ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรปและมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอีกด้วย ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ เป็นสมาชิกประชาคมผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสโลก จีแปด นาโต้และสหภาพละติน ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 360 หัวรบและเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 59 แห่ง

คำว่า ฝรั่งเศส (France) มาจากภาษาละติน Francia ซึ่งแปลตามตรงว่า ดินแดนแห่งแฟรงค์ (Frankland) และมีหลายทฤษฎีที่สันนิษฐานถึงที่มาของคำว่า แฟรงค์ (Franks) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคำในภาษาโปรโต-เยอรมัน Frankon ซึ่งแปลว่า หลาว หอก หรือทวนซึ่งเป็นอาวุธของพวกแฟรงค์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ฟรานซิสกา (Francisca)

อีกทฤษฎีหนึ่งตามหลักนิรุกติศาสตร์คือในภาษาเยอรมันโบราณ คำว่า แฟรงค์ แปลว่า อิสระ ซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นทาส โดยคำดังกล่าวยังคงปรากฏในภาษาฝรั่งเศสปัจจุบันในรูป ฟรังก์ (Franc) ซึ่งเป็นสกุลเงินของประเทศฝรั่งเศสจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นสกุลเงินยูโรในปี พ.ศ. 2545

Thank :http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%AA


เวียดนาม (Việt Nam)

ภาคเหนือเวียดนามเย็นเยือก 9 องศาโฮจิมินห์ยังร้อนระอุ

ภาพจากเวียดนามเน็ต วันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา ชาวเวียดนามในเขตที่ราบสูงหม็อกโจว จ.เซินลา นั่งผิงไฟเพื่อรับไออุ่นกันเป็นกลุ่ม หลังจากเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นด้วยอุณหภูมิต่ำหว่า 10 องศา โดยสภาพอากาศในกรุงฮานอยตอนนี้ก็ลดต่ำลงเหลือเพียง 9-10 องศาเช่นกัน เวียดนามเน็ต - สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติเวียดนามระบุ ภาคเหนือของประเทศเข้าสู่ฤดูหนาวโดนอุณหภูมิลดลงเหลือเพียง 9-10 องศา ในขณะที่ภาคใต้ท้องฟ้าแจ่มใสไร้เมฆฝน คลื่นความหนาวเย็นจากทางเหนือได้เคลื่อนตัวมายังบริเวณพื้นที่ในจังหวัดชาย ฝั่งทางภาคหนือของเวียดนามแล้วตั้งแต่ในช่วงเย็นของวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งคลื่นความเย็นดังกล่าวทำให้อุณหภูมิในบริเวณภาคเหนือทั้งหมดลดต่ำลง เหลือเพียง 9-10 องศาเซลเชียส ความหนาวเย็นแผ่ปกคลุมทั่วกรุงฮานอยและในพื้นที่บริเวณสามที่ราบปากแม่น้ำ แดงทางตอนเหนือของประเทศ

และเคลื่อนลงทางใต้เรื่อยๆ ส่งผลให้จังหวัดในภาคเหนือของเวียดนามเริ่มเข้าสู่ความหนาวเย็นตั้งแต่วัน ที่ 15 พ.ย. และไล่เรื่อยลงไปสู่ภาคกลาง ส่วนนครโฮจิมินห์และจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ของประเทศจะเริ่มเข้าสู่สภาพอากาศที่แจ่มใส ไม่มีเมฆฝนรบกวนเหมือนในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ที่ผ่านมา อุณหภูมิในจังหวัดทางภาคใต้จะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2-3 องศา ที่ 33-34 องศาเซลเซียส เนื่องจากคลื่นความเย็นจากภาคเหนือปะทะเข้ากับความร้อนในภาคกลางลงไปยังภาค ใต้ทำให้พื้นที่ภาคใต้มีอุณภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย.

ขอบคุณ http://news.nipa.co.th/news.action?newsid=171359

"เชลซี" จ่อคว้าวันเดอร์คิดแซมบ้าว่าที่ "นิว กาก้า"



ปิอาซอน หน้าตาถอดแบบ กาก้า เชลซี จ่าฝูง พรีเมียร์ชิป อังกฤษ เดินแผนคว้าตัว ลูคัส ปิอาซอน กองกลางวันเดอร์คิดของ เซา เปาโล จากการตีข่าวของ "เดลี มิร์เรอร์" (DAILY MIRROR) รายงานระบุใกล้สมหวังในเร็ววันนี้แล้ว เชลซี เพิ่งชนะยื่นอุทธรณ์กรณีห้ามซื้อนักเตะมาเสริมทัพ 2 ช่วงตลาดเปิดทำการ ทำให้ คาร์โล อันเชล็อตติ นายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยน ส่งคนเหินฟ้าไป อเมริกาใต้ เพื่อติดต่อขอซื้อ ลูคัส ปิอาซอน กองกลางทีมชาติบราซิล รุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปี ของ เซา เปาโล ปิอาซอน มีลีลาการเล่นและรูปร่างเหมือนกับ กาก้า กองกลางรุ่นพี่ทีมชาติบราซิล ของ รีล มาดริด เหตุที่ เชลซี ต้องเร่งมือ

เนื่องจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซนอล ก็สนใจเช่นเดียวกัน หลังจากนักเตะเคยเหินฟ้ามาลุยศึกไนกี ยูธ คัพ ที่เมือง แมนเชสเตอร์ ปิอาซอน ซัด 2 ประตูพา บราซิล ถล่ม โบลิเวีย 4-0 ในเกมทีมชาติ "เซเลเซา" ชุดเล็ก ตามรายงานระบุว่านักเตะเตรียมเหินฟ้ามายังกรุงลอน เพื่อพูดคุยเรื่องย้ายร่วมทัพ เชลซี ในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า

Thank you: http://news.nipa.co.th/news.action?newsid=171345
ฟิลิปปินส์จะผลักดันให้ชาติสมาชิกอาเซียนใช้วีซ่าเดียว
16 พย. 2552 16:18 น.

ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองฟิลิปปินส์ มาร์เซลิโน ลิบานัน พูดถึงเรื่องนี้ก่อนที่จะมีการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานตรวจคน เข้าเมืองและกรมการกงสุล กระทรวงต่างประเทศ จาก 10 ชาติสมาชิกอาเซียน ที่จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ที่กรุงมะนิลา ซึ่งเริ่มขึ้นในวันนี้โดยระบุว่า ฟิลิปปินส์จะถือโอกาสนี้ผลักดันให้อาเซียนเห็นชอบนโยบายการใช้วีซ่าเดี่ยว สำหรับชาติสมาชิก
วีซ่าเดี่ยวอาเซียนนี้จะมีลักษณะเหมือนกับ เชงเก้นวีซ่า ของชาติในยุโรป โดยผู้ถือวีซ่าสามารถเดินทางไปที่ใดก็ได้ภายในชาติสมาชิก โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นพลเมืองอาเซียนเท่านั้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับชาติสมาชิกอาเซียน โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว และสอดรับกับการที่อาเซียนจะเป็นประชาคมในปี 2558
Thank http://www.nationchannel.com/home/

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ภาพนี้จากวัด ภูพลาญสูง อำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งหลายๆท่านคงเคยได้ยินว่ามีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า
ระหว่างทางที่เราไปที่วัดภูพลาญสูง จะมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ทั้งภูเขาและแม่น้ำ
ดอกกล้วยไม้ที่พบจากร้านกับข้าวที่เราไปทานบ่อยๆๆคะ เห็นว่าสวยดีเลยถ่ายภาพมาฝาก
เป็นกิจกรรมที่ศูยน์แพทย์กู้ภัย 1669 กำลังซ้อม ช่วยเหลือผู้ป่วย และผู้ได้รับบาดเจ็บ
เพื่อนๆเราเอง เอ๋ ปันหยา และหนึ่ง สวยๆๆใช่ไหมล่ะ
นั่นไงฉันยือโบกไม้โบกมืออยู่ น้ำก็เย็นสุดๆๆเลยนะคะที่ภูจองนายอย อำเภอนาจะหลวย จ.อุบลราชธานีคะ
ที่นี่น่าจะเป็นน้ำตกแถวๆๆโขงเจียมคะ ไม่แน่ใจว่าชื่อไร แต่น้ำเย็นและน่าเล่นมากๆๆคะ
อันนี้เจ้าของภาพเขาบอกว่าเหมือนเต่า เลยเก็บภาพมาฝากขอบคุณมากคะีพี่ณุ
และก็ทางไปภาพก่อนหน้านี้คะอิอิ
นี่เป็นพานที่เราใช้เตรียมไหว้ครู สวยใช่ไหมล่ะ
อันนี้ดอกไม้ที่ฉันเห็นว่าสวยดีแล้วเพื่อนก็แอบถ่าย และเราก็มองกล้องพอดีเลยยิ้มให้ซะเลย 555+++
Beautiful.